มิสเตอร์ฟิลลิปเชื่อว่า นักลงทุนหลายท่านคงรู้จักกับผลิตภัณฑ์การเงินที่เรียกว่า ออปชั่น กันในระดับหนึ่งครับ ช่วงที่ผมซื้อ-ขาย ออปชั่น แรก ๆ เนี่ย สภาพคล่องของ ออปชั่น ช่างไม่มีเอาเสียเลย แต่ระยะหลัง เริ่มมีคนซื้อคนขายกันมากขึ้น ทำให้สภาพคล่องดีขึ้นครับ
 
หากเราเป็นนักลงทุน เราสามารถใช้ออปชั่น สำหรับบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนได้ด้วยกลยุทธ Protective Put ครับ สมมติว่าเพื่อน ๆ จัดพอร์ตหุ้นตาม SET50 Index แล้วกลัวว่าหุ้นจะตก แล้วจะทำให้พอร์ต SET50 Index ของเราตกลงด้วย เพื่อน ๆ สามารถซื้อสิทธิ์ที่จะขาย (Long SET50 Index Put Options) ณ ราคาปัจจุบัน

ถ้าหุ้นลง เพื่อน ๆ จะกำไรจากการ Long SET50 Index Put Options มาถัวเฉลี่ยกับผลขาดทุนของพอร์ต SET50 Index ที่เกิดจากหุ้นตก แต่หากหุ้นขึ้นต่อ เพื่อน ๆ จะเสียเฉพาะ “ค่าพรีเมี่ยม” (ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการซื้อสิทธิ์ดังกล่าว) แต่ได้โอกาสในการทำกำไรต่อแบบ “ไม่จำกัด”

ในชีวิตของเราก็ไม่ต่างกับการลงทุน มีขึ้นมีลงเหมือนกัน ดังนั้น ผมอยากให้มองแบบนี้ครับ.... หากเรามองออปชั่นในมุมของการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน "ประกัน" ก็เป็นออปชั่นในการบริหารความเสี่ยงของชีวิต

วันนี้ ผมเลยอยากชวนเพื่อน ๆ ให้กลับมามองการทำประกันในมุมของการบริหารความเสี่ยงของชีวิตครับ ซึ่งความเสี่ยงในชีวิตมีอยู่สี่ด้าน คือ

ซึ่งเราไม่รู้ว่าชีวิตของเราจะเป็นขาลงและประสบกับความเสี่ยงเหล่านี้เมื่อไร และเชื่อไหมครับ ในช่วงชีวิตขาลงทีไร ผีซ้ำด้ำพลอยทุกที (ใช้ศัพท์ซะแก่เชียว)
ดังนั้น การพกประกันเอาไว้ในพอร์ตของชีวิต จึงเป็น “ออปชั่น” หนึ่ง ที่เราสามารถจ่ายค่าพรีเมียมเพื่อใช้สิทธิ์ได้ ทั้ง....

สิทธิ์ในค่าชดเชยค่าฝีมือหากเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
สิทธิ์ในการรักษาพยาบาลและชดเชยในวันหยุด
สิทธิ์ในค่าเลี้ยงดูกรณีทุพพลภาพทำงานไม่ได้
สิทธิ์ในการเลี้ยงดูหากมีชีวิตยืนยาว
 
หากหุ้นชีวิตไม่ตกจริงเราก็จ่ายแค่ “ค่าพรีเมียม” แต่หากวันไหนที่หุ้นชีวิตเข้าสู่ช่วงวิกฤต เราก็สามารถเลือกใช้สิทธิ์ เพื่อปกป้องมูลค่าความมั่งคั่งของเราเอาไว้ได้ แบบนี้ดีไหมครับ