“ไม่ขายไม่ขาดทุน” ความผิดพลาดมหันต์ของมือใหม่หัดลงทุน
สวัสดีครับเพื่อนๆ นักลงทุน วันนี้ผม Mr. Phillip จะมาพูดถึงประเด็นที่นักลงทุนมือใหม่มักชอบเข้าใจผิดกันว่า “การไม่ขายไม่ขาดทุน วันนึงราคาหุ้นมันคงจะกลับมาเอง” นั้น เป็นความผิดพลาดที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งถ้าหากต้องการที่จะอยู่รอดในตลาดทุน วันนี้เราจะมาปรับ mindset ในเรื่องนี้กันครับว่า ถ้าหากเกิดการขาดทุนควรจะทำอย่างไรและต้องทำอย่างไร ทนถือต่อหรือต้องทำอย่างไร
เพื่อนๆ ทราบกันหรือไม่ว่ามีนักลงทุนส่วนน้อยเท่านั้นที่เข้ามาลงทุนในหุ้นแล้วประสบความสำเร็จและสามารถอยู่รอดได้ในตลาดหุ้น แต่ส่วนมากขาดทุนหนักแถมยังออกจากตลาดไปด้วยความเจ็บปวดและมีความทรงจำเลวร้ายกับตลาดหุ้นอีกด้วยอีกด้วย ซึ่งเหตุผลหลักๆ ที่นักลงทุนเข้ามาแล้วออกจากตลาดไปส่วนมาจาก การไม่รักษาต้นทุนของพอร์ตตนเอง หรือ คำพูดที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือ “ไม่ขายไม่ขาดทุน” นั่นเอง
ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งครับเป็นเทรดเดอร์ต่างชาติที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนในตลาดหุ้นท่านหนึ่ง เขาเคยพูดไว้ว่า “การเทรดที่ดีจริงๆ แล้วไม่จำเป็นจะต้องกำไรทุกครั้งแต่เป็นการเทรดที่เราสามารถรักษาต้นทุนของเราไว้ได้ต่างหาก” ซึ่งถ้าหากเรามาลองคิดตามจากประโยคดังกล่าว สิ่งที่เทรดเดอร์คนนี้ต้องการกำลังจะบอกเรา คือ ถ้าหากเรายังรักษาต้นทุนของเงินทุนได้ เราจะยังสามารถมีโอกาสในการทำกำไรครั้งต่อไปได้อีกเรื่อย ๆ ดังนั้นการที่เราคิดว่าไม่ขายไม่ขาดทุนเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เพราะการไม่ขายไม่ขาดทุน ทำให้เราเสียโอกาสในการที่จะนำเงินไปลงทุนในหุ้นตัวอื่นเพื่อคว้าโอกาสในการทำกำไร อีกทั้งยังมีโอกาสขาดทุนในเงินก้อนดังกล่าวเพิ่มได้อีกด้วย
ซึ่งในความจริงแล้วคนที่ยึดคติ “ไม่ขายไม่ขาดทุน” อาจจะยิ่งขาดทุนหนักขึ้น เพราะนักลงทุนที่คิดแบบนี้มักจะคิดเปรียบเทียบราคาหุ้นตอนซื้อมากับราคาตลาดในปัจจุบันและรอคอยอย่างมีความหวังว่ามันจะกลับไปที่ราคาเดิมได้สักวันหนึ่ง ซึ่งเป็นความคิดที่ใช้ไม่ได้กับหุ้นทุกตัว สิ่งที่ถูกต้องหากอยากเทียบในเรื่องของราคา ก็คือการที่นำราคาตลาดในปัจจุบันไปเปรียบเทียบกับมูลค่าที่แท้จริงของกิจการ (มูลค่าพื้นฐาน) เพราะมูลค่าพื้นฐานของกิจการมีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนโดยตรงในอนาคตว่าจะลงทุนหรือไม่ลงทุนในหุ้นตัวนี้ ซึ่งถ้าหากราคาที่เราซื้อหรือราคาตลาดในปัจจุบันสูงกว่ามูลค่าพื้นฐาน เราก็ควรขายออกเพื่อจำกัดผลจากการขาดทุนไม่ให้พอร์ตเสียหายไปมากกว่านี้
ทีนี้เพื่อนๆ อาจจะอยากรู้ว่า เราควรจะถอยเมื่อไรดีและอะไรที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจว่าควรจะถอย ผมต้องตอบว่า การที่เราจะถอยตรงไหนขึ้นอยู่กับการแผนในการเข้าซื้อของแต่ละท่าน ซึ่งแต่ละคนรับการขาดทุนได้ไม่เท่ากัน ส่วนควรจะถอยเมื่อไรสำหรับตัวของผม ถ้าหากมีการขาดทุน 5 % ของหุ้นที่เราไปลงทุน ผมจะกลับมาเช็คกราฟและปัจจัยพื้นฐานถ้าหากกราฟมีการเปลี่ยนเทรนด์และพื้นฐานหุ้นเปลี่ยนแปลงไป ในที่นี้อาจจะเป็นเรื่องของความสามารถในการทำกำไรลดลง หากราคาตลาดของหุ้นถึงจุดที่เราวางแผนการจำกัดการขาดทุนไว้ ผมจะทำการ Stop loss ทันที เพื่อรักษาหน้าทุนและรอโอกาสที่จะเข้าลงทุนในรอบใหม่
มาถึงตรงนี้ เพื่อนๆ น่าจะพอเห็นภาพแล้วว่าถ้าหากเราซื้อหุ้นผิดตัวแล้วเกิดการขาดทุนขึ้นมา สิ่งที่เราควรจะทำการ stop loss รักษาต้นทุนเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะนำต้นทุนของเราที่ยังเหลืออยู่ไปสร้างโอกาสในการทำกำไรในครั้งต่อไปได้ เพื่อนๆ นักลงทุนมือใหม่สามารถนำแนวความคิดนี้ไปใช้ในการประกอบการเทรดและการถือหุ้นของตนเองกันได้นะครับแล้วเรามาพบกันใหม่ในบทความหน้านะครับ ขอให้โชคดีในการลงทุนครับ
ประชาสัมพันธ์งานสัมมนาออนไลน์ Phillip Investment Forum 2022 เป็นงานสัมมนาประจำปีของ บล.ฟิลลิป ที่รวมกูรูการลงทุนต่างๆ ทั้งของฟิลลิปเอง และมีการเชิญ Influencers มาจอยด้วยครับ มี 4 หัวข้อ เลือกลงทะเบียนหัวข้อที่สนใจได้เลยครับ งานนี้ฟรี! ยังไม่มีบัญชีกับฟิลลิป ก็ลงทะเบียนได้เลยครับ!
หัวข้อ : 2022 Investment Outlook, managing the uncertainty
หัวข้อ : SET & Global Investing ธีมไหนต้องมีในพอร์ต?
หัวข้อ : หาไอเดียลงทุนแบบมือใหม่…ต้องรู้อะไรให้อยู่รอด?
หัวข้อ : มุมมองแบบ VI : อนาคตหุ้นเวียดนาม - หุ้นอเมริกา อยู่ที่ไหน?