Fear Of Missing Out (FOMO)
สิ่งที่ทำให้มือใหม่มักติดดอย
สวัสดีครับเพื่อนๆ นักลงทุนมือใหม่ ผม Mr. Phillip คนเดิม เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับบทความก่อนหน้าเราพูดถึงการ
“ไม่ขายไม่ขาดทุน” (คลิกอ่าน https://bit.ly/3qLr09W ) ว่าเป็นความผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นในมือใหม่ หวังว่าเพื่อนๆ จะนำไปปรับใช้และเกิดประโยชน์ในการเทรดกันนะครับ วันนี้เราจะมาพูดถึงอีกหนึ่งปัญหาที่เป็นอาการที่มักจะเกิดขึ้นกับมือใหม่ที่เพิ่งหัดลงทุนกันอาการที่ว่านี้ก็
คือ FOMO (Fear Of Missing Out) หรือถ้าเราพูดกันในภาษานักลงทุน คือ
“การกลัวตกรถ” นั่นเอง มาดูกันว่าอาการ FOMO เป็นอย่างไร แล้วควรจะรักษามันอย่างไรไปดูกันเลยครับ
FOMO (Fear of Missing Out) หรือ การกลัวตกรถ หมายถึง อาการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่พุ่งขึ้นแรงโดยไม่ได้สนใจว่าปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นดังกล่าวนั้นปรับตัวขึ้นมาเกิดจากอะไร พื้นฐานของหุ้น หรือ ทางกราฟเทคนิค จึงทำให้มีโอกาสที่จะผิดพลาดสูง (ติดดอย) โดยสิ่งที่มักทำให้นักลงทุนเกิดอาการ FOMO คือ อารมณ์และความโลภ ทำให้นักลงทุนตกหลุมพรางอาการกลัวตกรถที่หุ้นนั้นหลอกล่อไว้
ทีนี้เรารู้แล้วว่า FOMO (Fear Of Missing Out) หรือ การกลัวตกรถ อากการมันเป็นอย่างไร และสาเหตุของอาการมันมาจากไหน ผมขออนุญาตแปลงร่างเป็นคุณหมอทางการเงินเพื่อสั่งยาป้องกันและเพื่อรักษาอาการ FOMO กันครับ นักลงทุนแต่ละคนมีอารมณ์และความโลภต่างกันไป ดังนั้นวันนี้ “ยา” ที่สั่งไปจะมาในรูปแบบของแนวทางที่นำไปปรับใช้กันได้แบบกว้างๆ เพื่อตอบโจทย์ให้กับนักลงทุนมือใหม่ทุกคนเลย
ยาตัวที่ 1 การลงทุนแบบมีวินัยและเป็นระบบ
ยาตัวนี้จะต้องอาศัยการตัดสินใจโดนปราศจากอารมณ์และมีสติมากๆ รวมถึงการสร้างแผนในการลงทุนแต่ละครั้งว่า ถ้าหากถึงไปจุดใดเราจะทำกำไร และราคาลงไปถึงตรงไหนเราจะตัดขาดทุน ระบบและแผนที่ดีจะช่วยให้เราเข้มแข็งขึ้นในตลาดทุกสภาพ
ยาตัวที่ 2 การกระจายการลงทุน
ยาตัวนี้หมายถึงการที่เรากระจายความเสี่ยงของการลงทุนไปยังธุรกิจต่างๆ ที่มีทิศทางความสัมพันธ์ของราคาไม่ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อทำให้ภาพรวมของพอร์ตการลงทุนของเรามีจังหวะที่สามารถทำกำไรได้ตลอดเวลา และดีกว่าที่เราจะเสี่ยงกระจุกเงินลงทุนทั้งหมดในหุ้นเพียงตัวเดียว
ยาตัวที่ 3 หากเพื่อนๆ เป็นมือใหม่ควรเริ่มลงทุนในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น
เป็นสิ่งที่นักลงทุนมือใหม่มักมองข้าม เพราอยากจะรวยเร็วและมักคิดว่าการเข้ามาทำกำไรในการเทรดนั้นง่ายแค่ซื้อถูกและขายแพงเท่านั้น แต่นักลงทุนที่มีประสบการณ์มักจะมองภาพในการตัดสินใจในการลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่งเปรียบเหมือนการแข่งไตรกีฬา ดังนั้นการที่จะเลือกหุ้นเข้ามาลงทุนในพอร์ตควรจะเลือกหุ้นที่สามารถทนต่อทุกสภาวะตลาดและ Focus ที่ระยะยาวมากกว่าระยะสั้น เพราะถ้านักลงทุนมือใหม่แล้วต้องมา Focus การลงทุนราย 15 นาทีอาจจะส่งผลให้ชีวิตไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ และมักเกิดความกังวลในการซื้อหุ้นแต่ละครั้งได้ จึงควรเริ่มที่การลงทุนระยะยาว สะสม ประสบการณ์จนเชี่ยวชาญแล้วค่อยทดลองลงทุนระยะสั้น
จริงๆ แล้วอาการ FOMO นั้นเป็นปัญหาหนึ่งของการลงทุนที่ทำให้ต้องเกิดวิชา Behavioral Finance เพื่อศึกษาและปรับแก้ปัญหานี้กันเลยทีเดียว วันนี้เพื่อนนักลงทุนมือใหม่ที่อ่านบทความนี้น่าจะได้ยาต้านอาการ FOMO ไปไม่มากก็น้อย อย่าลืมนำไปปรับใช้กันนะครับ ผม Mr. Phillip อยากให้เพื่อนๆ ไม่ติดกับดักของอารมณ์และความโลกจนทำให้พอร์ตเสียหายจนต้องออกจากตลาดไปเลย ขอให้โชคดีในการลงทุนครับ
ประชาสัมพันธ์สัมมนาออนไลน์ โครงการ Phillip Investment Forum 2022 มีหัวข้อนึงเหมาะกับชาวมือใหม่มากๆ แนะนำเข้าฟังกันน่าจะเป็นประโยชน์แน่นอนครับ! ที่สำคัญคือฟังฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ!
หัวข้อ : หาไอเดียลงทุนแบบมือใหม่…ต้องรู้อะไรให้อยู่รอด?
วันจันทร์ที่ 7 ก.พ. เวลา 18.30 – 20.00 น.
รายละเอียดและคลิกลงทะเบียนฟรี!