PhillipCapital Your Partner in Investment

poems poems

ศูนย์การเรียนรู้
ซื้อแพงขายถูก ปัญหาที่นักลงทุนมือใหม่เกือบทุกคนต้องพบเจอ

ซื้อแพงขายถูก

ปัญหาที่นักลงทุนมือใหม่เกือบทุกคนต้องพบเจอ

 
สวัสดีครับเพื่อนๆ นักลงทุนมือใหม่ แป๊ปเดียวเรามาอยู่กันในเดือนกุมภาพันธ์เดือนแห่งความรักกันแล้วนะครับแต่สภาพตลาดหุ้นนั้นไม่ค่อยน่ารักกับเราเท่าไหร่เลยครับ เพราะตั้งแต่เปิดเดือนกุมภาพันธ์มานี้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงไปถึง เกือบ 10 % ทั้ง ตลาดหุ้นอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ที่กล่าวถึงมานี้ปรับตัวลดลงทั้งหมดจากปัจจัยกดดันต่างๆ เช่น เรื่องของความตึงเครียดเรื่องสงครามระหว่างยูเครน รัสเซีย และอเมริกา ทำให้พอร์ตการลงทุนของเรานั้นไม่ว่าจะเป็นกองทุนหรือหุ้นที่เพิ่งซื้อเข้าไปอาจจะถึงจุดที่ต้องตัดขาดทุนออกมา เพราะกังวลว่าตลาดจะปรับตัวลงจนเกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า “ซื้อแพงขายถูก” วันนี้ เราจะมาดูกันว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
 
โดยปัจจัยที่จะพูดถึงก็คือ เรื่องของความกังวลในการเกิดสงครามระหว่างรัสเซีย ยูเครนและอเมริกา จะเห็นว่าวันที่มีความตึงเครียดในเรื่องสงครามตลาดหุ้นทั่วโลกมีแรงเทขายออกมาตามตลาดที่มีการไหลลงจากเหตุการณ์นี้ เราจะมาดูกันครับว่า ถ้าเป็นนักลงทุนที่มีประสบการณ์หรือกองทุนเขาจะมองตลาดและทำอย่างไร เพื่อถ้าหากในอนาคตมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เราจะไม่ Panic sell จากที่ซื้อหุ้นหรือกองทุนในราคาที่แพงและมาขายราคาที่ถูกตามตลาดไปครับ
 
นักลงทุนที่มีประสบการณ์หรือกองทุนถ้าหากเจอเหตุการณ์อย่างความตึงเครียดว่าจะเกิดสงคราม พวกเขาจะวิเคราะห์ดูว่า ผลของสงครามที่จะเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบอย่างไรกับบริษัท และราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงทั้นตลาดนั้นเกิดจาก ปัจจัยภายใน หรือ ปัจจัยภายนอก ซึ่งถ้าหากเกิดจากปัจจัยภายนอกพวกเขาก็จะทะยอยสะสมหุ้นดังกล่าว แต่ถ้าหากเกิดจากปัจจัยภายในเขาก็จะไม่พลาดโอกาสที่จะทำการ Short sell หุ้นเหล่านั้นเพื่อทำกำไรอีกด้วย

นักลงทุนมือใหม่อย่างเราอาจจะยังไม่เข้าใจว่า ปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน สิ่งที่นักลงทุนมือเก๋าและกองทุนใช้จากข้างต้นพิจารณามันคืออะไรกันแน่ ส่วนนี้ผมจะอธิบายให้เข้าใจสั้นๆ กันครับ
 
ปัจจัยภายนอก (External Factor) คือ ปัจจัยที่ไม่ได้มาจากกิจการโดยตรงซึ่งเป็นปัจจัยที่กิจการไม่สามารถควบคุมได้และไม่ได้กระทบกับความสามารถในการทำกำไรของบริษัทโดยตรง  เช่น กระแสเงินเงินทุนไหลออกและไหลเข้า (Fund Flow) วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ การอัดฉีดเงินของธนาคารกลางของสหรัฐฯและยุโรป การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ การปรับลดค่าเงินหยวน สงครามระหว่างประเทศและการก่อการร้ายในกลุ่มประเทศยุโรป จนถึงตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรุนแรง การปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมของธนาคาร การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การเปิดเสรีการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น

ปัจจัยภายใน (Internal Factor) คือ ปัจจัยที่มาจากกิจการโดยตรง เช่น การขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ การขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ การขายหุ้นเพิ่มทุน การควบรวมกิจการ การซื้อและขายกิจการ การเพิ่มอัตราการก่อหนี้ในกิจการ การปิดบริษัทย่อยที่สร้างผลขาดทุนอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูง การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ การได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีเพราะขยายงานไปในนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น

ซึ่งเหตุการณ์ที่เรายกตัวอย่างไปเรื่องของความตึงเครียดในเรื่องของสงครามที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่ได้ส่งผลต่อกิจกาโดยตรง เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราควรจะทำคือการ Shopping หุ้นที่ความสามารถในการทำกำไร ยังมีการเติบโตที่ราคาปรับตัวลงมาจากความกังวลไม่ใช่กำไรที่ลดลงสะสมเข้าพอร์ตการลงทุน เพราะโอกาสที่ราคาหุ้นปรับตัวลงจากเหตุการปัจจัยภายนอกตลาดมักจะรับรู้ไวและราคาจะดีดกลับมาเร็วจึงไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง 
 
มาถึงตรงนี้เพื่อนๆ พอจะเห็นภาพแล้วใช่ไหมครับว่า นักลงทุนมือเก๋าและกองทุนจัดการอย่างไรกับเหตุการณ์ดังกล่าว และน่าจะพอเข้าใจแล้วว่าปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกคืออะไร และสามารถนำปรับไปใช้เพื่อคว้าโอกาสในการทำกำไรจากเหตการณ์ดังกล่าวได้นะครับ  ขอให้โชคดีในการลงทุนครับ 
 
หากเพื่อนๆ มือใหม่สนใจเริ่มต้นลงทุน บล.ฟิลลิป มีทีมงานคอยดูแลและมีหลักสูตรสัมมนาออนไลน์ ที่จัดอย่างสม่ำเสมอสำหรับมือใหม่โดยเฉพาะ
แจ้งความประสงค์ให้เราติดต่อกลับได้ที่ https://forms.gle/v93V5ANPu47PzHHR7

สอบถาม และติดตามข่าวกิจกรรม สาระความรู้ ผ่าน Line