PhillipCapital Your Partner in Investment

poems poems

ศูนย์การเรียนรู้
5 สิ่งที่ต้องรู้ ถ้าอยากเป็นนักลงทุน VI

กลับมาพบกันอีกครั้งกับผม Mr. PHILLIP ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งอาจจะเป็นเดือนที่นักลงทุนหลายท่านไม่ชอบ ท่านอาจจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า “Sell in May and go away” แต่ใช่ว่าประโยคนี้จะน่ากลัวกับทุกคน จะมีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งที่ใช้จังหวะที่ตลาดมีแรงเทขายนี้ในการเข้าสะสมหุ้นคือกลุ่ม Value Investor (นักลงทุนเน้นคุณค่า) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า VI วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ที่อยากจะเป็น VI มาดูกันว่า 5 สิ่งที่ต้องรู้วิเคราะห์ให้ได้ หากคิดเป็นนักลงทุน VI

1. Price-to-Earnings Ratio (อัตราส่วนกำไรต่อหุ้น)

อัตราส่วนกำไรต่อราคาหุ้น เป็นตัวช่วยให้นักลงทุนหุ้นเน้นมูลค่า ดูแบบเร็วๆ ว่า ตลาดยินดีที่จะจ่ายสำหรับราคาหุ้นในวันนี้ขึ้นอยู่กับกำไรที่ผ่านมาหรือในอนาคต ตัวของอัตราส่วนกำไรต่อราคาหุ้น สามารถบอกเราได้ว่าหุ้นที่เราสนใจ แพง หรือ ถูก เมื่อเทียบกับกำไร ถ้าหากอัตราส่วนกำไรต่อราคาหุ้นมีอัตราส่วนที่สูง ก็อาจจะหมายถึงราคา แพง กว่ากำไรที่บริษัทมี ในทางกลับกัน ถ้าหากอัตราส่วนกำไรต่อราคาหุ้นมีอัตราส่วนที่ต่ำก็อาจจะหมายถึงราคา ถูก กว่ากำไรที่บริษัทมี

แต่วิธีอัตราส่วนกำไรต่อหุ้น ก็มีข้อจำกัดก็คือ กำไรที่เป็นตัวช่วยในการประมาณการ ถ้าใช้กำไรอดีตมันจะไม่สะท้อนอนาคต และถ้าใช้ความคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ก็อาจจะไม่เป็นไปตามคาดได้ เพราะฉะนั้นเราจะต้องใช้อัตราส่วนอื่นๆ เข้ามาช่วยด้วย

2. Price-to-Book Ratio (อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี)

อัตราส่วนราคาต่อบัญชีหรืออัตราส่วน P/B เป็นตัววัดว่าหุ้นมีมูลค่าสูงหรือต่ำเกินไป โดยการเปรียบเทียบมูลค่าสุทธิ (สินทรัพย์ - หนี้สิน) ซึ่งมูลค่าตลาด คือ ราคาที่นักลงทุนยินดีจ่ายสำหรับหุ้น โดยอิงจากรายได้ที่คาดหวังในอนาคต แต่มูลค่าตามบัญชีมาจากมูลค่าสุทธิของบริษัทและเป็นการวัดมูลค่าของบริษัทที่ละเอียดและลึกซึ้งมากขึ้น นักลงทุนสาย VI ชอบที่จะมองหาหุ้นที่มีค่าอัตราส่วนราคาต่อบัญชีหรืออัตราส่วน P/B ที่ 0.5 เพราะมูลค่าตลาดเป็นครึ่งหนึ่งของมูลค่าที่กำหนดไว้ในทางบัญชี  

3. Debt-to-Equity Ratio (อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน)

อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเป็นอัตราส่วนที่บอกว่า บริษัทจัดหาเงินทุนในการลงทุนในสินทรัพย์อย่างไร อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ต่ำ หมายความว่า บริษัทใช้หนี้ในการจัดหาเงินทุนที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่สูงก็คือ บริษัทได้รับเงินทุนจากหนี้สินที่สัมพันธ์กับส่วนของผู้ถือหุ้นมากขึ้น หนี้ที่มากเกินไปอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อบริษัทได้ หากบริษัทไม่มีรายได้หรือกระแสเงินสดเพียงพอที่จะปฏิบัติตามภาระหนี้ของบริษัท แต่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่สูงไม่ได้หมายความว่า บริษัทจะดำเนินกิจการได้ไม่ดีเสมอไป บ่อยครั้งที่หนี้ถูกใช้เพื่อขยายการดำเนินงานและสร้างรายได้เพิ่มเติม อุตสาหกรรมบางประเภทที่มีสินทรัพย์ถาวรจำนวนมาก เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และการก่อสร้าง มักจะมีอัตราส่วนที่สูงกว่าบริษัทในอุตสาหกรรมอื่นๆ  

4. Free Cash Flow (กระแสเงินสดอิสระ)

กระแสเงินสดอิสระ (FCF) คือ เงินสดที่เหลืออยู่หลังจากที่บริษัทชำระค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว Free Cash Flow แสดงให้เห็นว่า บริษัทสร้างเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด หลังจากการระดมทุนและรายจ่ายฝ่ายทุน เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นด้วยเงินปันผล Free Cash Flow เป็นเครื่องบ่งชี้ในระยะเริ่มต้นที่ประเมินมูลค่าของนักลงทุนว่า รายได้อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากกระแสเงินสดอิสระที่เพิ่มขึ้นมักจะมาก่อนรายได้ที่เพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นเมื่อราคาหุ้นของบริษัทต่ำและกระแสเงินสดอิสระเพิ่มขึ้น โอกาสที่ดีที่รายได้และมูลค่าของหุ้นจะเพิ่มขึ้นในไม่ช้า  

5. PEG Ratio (อัตราส่วนราคา/ กำไรต่อการเติบโต)

อัตราส่วนราคา/กำไรต่อการเติบโต (PEG) อัตราส่วนนี้คล้ายกับ ข้อที่1 เลย แต่อัตราส่วน PEG วัดความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนราคา/กำไรและการเติบโตของรายได้ อัตราส่วน PEG ให้ภาพที่สมบูรณ์กว่า ราคาหุ้นมีราคาสูงเกินไปหรือต่ำกว่ามูลค่า โดยการวิเคราะห์ทั้งรายได้ในปัจจุบันและอัตราการเติบโตที่คาดหวัง โดยทั่วไปแล้ว หุ้นที่มี PEG น้อยกว่า 1 จะถือว่าถูกประเมินราคาต่ำเกินไป เนื่องจากราคาของมันนั้นต่ำเมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไรที่คาดไว้ของบริษัท PEG ที่มากกว่า 1 อาจถูกพิจารณาว่ามีมูลค่าสูงเกินไป เนื่องจากอาจบ่งชี้ว่า ราคาหุ้นสูงเกินไปเมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไรที่คาดไว้ของบริษัท อัตราส่วน PEG เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญสำหรับนักลงทุนที่เน้นคุณค่า เนื่องจากมีมุมมองที่มองไปข้างหน้า  
 
เพื่อนๆ พอจะเห็นภาพแล้วใช่ไหมครับว่าทั้ง 5 อัตราส่วนทางการเงินที่นักลงทุนหุ้นเน้นมูลค่าจำเป็นต้องรู้นั้น ไม่มีตัวใดที่สามารถพยากรณ์หรือช่วยในการตัดสินใจได้ 100 % แต่ถ้าหากเราอยากเป็นนักลงทุน VI อัตราส่วนทางการเงินทั้ง 5 นี้เป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้นะครับ

ติดตามข่าวกิจกรรม ผ่าน Line

(หรือ https://lin.ee/ikRG3vT )

#มือใหม่ลงทุน #นักลงทุนมือใหม่ #นักลงทุนVI