ญี่ปุ่นเคยมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และเริ่มถดถอยมาเรื่อย ๆ ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น ขาดแคลนแรงงานในประเทศ ความอนุรักษ์นิยมที่มีมากเกินไป จนถูกจีนแซงนำไปเป็นอันดับ 2 แต่ในปัจจุบันเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น มองเห็นถึงศักยภาพในการเติบโต บทความนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุนได้ลองพิจารณาตลาดทุนญี่ปุ่นเพิ่มลงทุนรอการเติบโตในอนาคตอันใกล้
 

1. นโยบาย Aboenomics สร้างรากฐานเพื่อการเติบโต

     ก่อนปี 2012 ญี่ปุ่นติดอยู่ในสภาวะเงินฝืดหลายปี เรียกกันว่า “ช่วงทศวรรษที่สูญหาย” การลงทุนในญี่ปุ่นก็ชะลอตัวลงอย่างมาก จนนายกฯ ชินโซ อาเบะ ได้ออกนโยบายเศรษฐกิจคือ Abenomics ที่เน้นการคงอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ 2% ต่อปี และทำการอ่อนค่าเงินเยน เพิ่มการลงทุนของภาครัฐ

     ผลคือเศรษฐกิจสามารถพ้นสภาวะเงินฝืด และเพิ่มอัตรา ROE ของหุ้นญี่ปุ่นได้สองเท่าตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา มีการจ้างงานที่สูงขึ้น และเงินทุนของบริษัทต่าง ๆ เพิ่มขึ้นแบบทำ New High

 

2. การปรับปรุงการกำกับดูแลกิจการ

     Abenomics ยังเน้นไปที่การปฏิรูปการกำกับดูแลกิจการ โดยเน้นสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น รวมถึงสร้างแนวคิดพื้นฐานในการดูแลผู้ลงทุนหรือเจ้าของสินทรัพย์ให้ดี ส่งผลให้มีการจ่ายเงินปันผลกับผู้ถือหุ้นสูงขึ้น เพิ่มกิจกรรมการลงทุน เพิ่มสัดส่วนกำไรให้ธุรกิจ และเพิ่มผลตอบแทนต่อหุ้นให้กับบริษัทญี่ปุ่นจำนวนมาก

 

3. การปรับปรุงการกำกับดูแลกิจการ

     เพื่อรักษาสมดุลจากการที่แรงงานในประเทศขาดแคลน โดยระบบ Visa แบบใหม่จะเอื้อให้แรงงานต่างชาติสามารถเข้ามาทำงานได้มากขึ้น มีระบบที่สนับสนุนให้คนวัยเกษียณยังสามารถทำงานต่อได้ และนโยบายช่วยดูแลเด็กของ Abenomics ยังสามารถนำสตรีชาวญี่ปุ่นกว่า 2 ล้านคนกลับคืนสู่ตลาดแรงงานได้ นับตั้งแต่ปี 2012

     นอกเหนือจากนโยบายรัฐแล้ว วัฒนธรรมองค์กรในญี่ปุ่นก็เริ่มปรับตัวทันสมัยขึ้น วัฒนธรรมองค์กรเดิม ๆ เช่นค่านิยมการทำงานที่เดิมตลอดชีวิตก็เริ่มจางหายไป ไปเน้นระบบการจ้างงานที่เป็นธรรมมากขึ้น

 

4. การเป็นผู้นำด้านระบบหุ่นยนต์และ Automation

     ญี่ปุ่นเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในด้านการผลิตระบบ Automation และหุ่นยนต์สำหรับโรงงาน โดย 5 ใน 10 บริษัทชั้นนำเป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น และครองส่วนแบ่งการตลาดโลกถึง 30% และกำลังทำกำไรต่อเนื่องจากความต้องการสินค้าที่มีสูง เพราะทั่วโลกมีความต้องการหุ่นยนต์สำรหับอุตสาหกรรมมากขึ้น 6 เท่าในเวลาเพียงทศวรรษ

 

การลงทุนในญี่ปุ่นสำหรับชาวไทยสามารถทำได้ผ่านหุ้นและกองทุนรวม หรืออาจจะลงทุนใน ETF ของสหรัฐฯ ที่มีการลงทุนตามดัชนีต่าง ๆ หรือภาคส่วนต่าง ๆ ของญี่ปุ่น
บริการ Phillip Global Markets เปิดให้ลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 50,000 บาท

โทร. 02-635-3055 (บริการ Support 24 ชม.) หรือ add Line : @phillipglobal ( คลิก https://lin.ee/q0bIxVg)

Credit: https://www.hennessyfunds.com/investment-guides/investing-in-japan