7เหตุผล ที่ตลาดเวียดนามน่าลงทุน
เวียดนามถือเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจมีการเติบโตรวดเร็วที่สุดของโลก และเป็นจุดหมายปลายทางของธุรกิจต่างชาติ ด้วยหลายๆ ปัจจัย ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การวางนโยบายที่เป็นมิตรต่อธุรกิจ หรือฐานค่าแรงที่ยังต่ำกว่าหลายประเทศ ฯลฯ
และยังมีเหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้เวียดนามเป็นอีกตลาดที่เหมาะกับการลงทุนระยะยาว 1. ตำแหน่งที่ตั้ง
ด้วยตำแหน่งที่ตั้ง ณ ใจกลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นที่ติดชายทะเลกว่า 3,260 กิโลเมตร อยู่ติดเส้นทางเดินเรือนานาชาติหลายเส้นทาง พร้อมกับมี Trade (ข้อตกลงค้าขายแลกเปลี่ยน) ในระดับสากลจำนวนมาก นอกจากนี้เมืองใหญ่ของเวียดนามก็มีทำเลที่ตั้งที่ดี มีฮานอยที่ฝั่งเหนือ และโฮจิมินห์ที่ฝั่งใต้ ง่ายต่อการติดต่อดำเนินธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ และในบริเวณตอนกลางยังมีดานังอีกด้วย 2. เสถียรภาพทางการเมือง
เสถียรภาพทางการเมืองคือสภาวะที่รัฐบาล หน่วยงานรัฐต่างๆ ปฏิบัติตามหน้าที่ของตน ไม่ปรับเปลี่ยนหรือทำอะไรนอกเหนือโครงสร้างระบบที่วางไว้ เวียดนามจึงถือว่ามีเสถียรภาพที่ดีกว่าหลายๆ ประเทศในอาเซียน และรัฐมีการคุ้มครองธุรกิจต่างชาติอย่างดี สร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุน 3. เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมั่นคง
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเวียดนามพัฒนาประเทศจนกลายมาเป็นผู้ส่งออกสินค้าการเกษตรลำดับต้นๆ ของโลก ดึงดูดนักลงทุนมากมาย และยังมีภาคการผลิต ไอที และ อุตสากรรมที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย ที่เป็นปัจจัยในการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ 4. มีนโยบายเอื้อให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน และทำได้ง่ายขึ้นด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน
หลายๆ ประเทศที่กำลังพัฒนามักมีการจำกัดไม่ให้ต่างชาติครอบครองกิจการบางประเภท แต่เวียดนามนั้นอนุญาตให้ต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนในภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ได้โดยตรง และรัฐยังเพิ่มแรงจูงใจต่าง ๆ ให้บริษัทต่างชาติอีกมากมาย เช่น การลดหย่อนภาษีรายได้ หรือภาษีนำเข้าให้ธุรกิจบางประเภท และลดหย่อนภาษีที่ดิน เป็นต้น 5. การพัฒนาและการออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน
รัฐบาลเวียดนามดูแลพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยออกแบบให้เอื้อต่อการลงทุนสร้างธุรกิจของต่างชาติ ด้วยถนนทางหลวงที่ดี ทันสมัย รวมถึงท่าเรือที่เป็นปัจจัยหลักช่วยให้ภาคขนส่งทำงานง่ายขึ้น และช่วยประหยัดต้นทุนการขนส่ง 6. มีแรงงานวัยหนุ่มสาวจำนวนมาก
ถึงแม้ค่าแรงขั้นต่ำจะเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี แต่ค่าแรงขั้นต่ำของเวียดนามเองก็ยังไม่สูงมาก เทียบกับตลาดกำลังพัฒนาด้วยกัน ซึ่งยังต่ำกว่าของจีนถึงครึ่ง (ค่าแรงขั้นต่ำของจีนอยู่ที่ประมาณ 7,100 - 12,000 บาท ส่วนของเวียดนามอยู่ที่ประมาณ 4,000 - 5,700 บาท) และด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น การดูแลประชาชน การจัดการโรคระบาดที่ดีกว่า ก็ยิ่งทำให้ฐานการผลิตย้ายจากจีนสู่เวียดนามมากขึ้นเรื่อยๆ 7. ค่าแรงยังคงต่ำ และในปัจจุบันก็ยังต่ำกว่าจีนถึงครึ่ง
หลายๆ ประเทศที่กำลังพัฒนามักมีการจำกัดไม่ให้ต่างชาติครอบครองกิจการบางประเภท แต่เวียดนามนั้นอนุญาตให้ต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนในภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ได้โดยตรง และรัฐยังเพิ่มแรงจูงใจต่าง ๆ ให้บริษัทต่างชาติอีกมากมาย เช่น การลดหย่อนภาษีรายได้ หรือภาษีนำเข้าให้ธุรกิจบางประเภท และลดหย่อนภาษีที่ดิน เป็นต้น สำหรับนักลงทุนที่พร้อมเติบโตอย่างต่อเนื่องไปกับเวียดนาม ที่กำลังพัฒนาประเทศ พร้อมเป็นแหล่งการลงทุนจากนานาชาติแห่งถัดไปของเอเชีย
บล.ฟิลลิป ให้บริการลงทุนหุ้นเวียดนามทั้งแบบลงทุนโดยตรง ลงทุนผ่านกองทุนรวม และกองทุนส่วนบุคคล สอบถามเพิ่มเติมทาง Line: @phillipcapital (หรือ คลิก https://lin.ee/ikRG3vT ) |