หุ้น Blue Chip คืออะไร
นิยามคำว่า Blue-chip มาจากบริษัทที่ก่อตั้งมานานหลายปี สร้างฐานผู้บริโภค-ใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง และมีมูลค่าการตลาดที่สูงหลายพันล้านดอลลาร์ หุ้นของบริษัท blue-chip เหล่านี้ จะเหมาะกับนักลงทุนที่จัดพอร์ตฯ แบบสมดุล เพราะหุ้น Blue-chip ส่วนใหญ่มีงบดุลและกระแสเงินสดที่มั่นคง และมีโอกาสพลิกกลับมาได้สูงในช่วงตลาดขาลง
คำว่า Blue-Chip มีที่มาจากชิปแทนเงินสดสำหรับเล่นโป๊กเกอร์ ซึ่งจะมีสีขาว แดง น้ำเงิน โดยสีน้ำเงินจะมีมูลค่ามากที่สุด แต่เดิมคำว่า Blue-Chip จะใช้กับหุ้นที่มีราคาสูงที่สุด แต่ในปัจจุบันจะสื่อถึงมูลค่าและคุณภาพของหุ้นตัวนั้น ๆ
ลักษณะโดยรวมของหุ้น Blue-chip ได้รับผลตอบแทนเงินปันผล
หุ้น Blue-chip ส่วนมากจะมีการจ่ายปันผลเป็นรายไตรมาส ความน่าเชื่อถือ
บริษัท Blue-chip มักเป็นบริษัทใหญ่ และมีเงินทุนมากพอสำหรับจัดการด้านการเงิน ปัจจัยเสี่ยง
เนื่องจากเป็นหุ้นบริษัทใหญ่ จึงมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับหุ้นประเภทอื่น ระยะเวลาการลงทุน
โดยมากจะเห็นผลดี หากลงทุนเป็นระยะเวลา 7 ปีขึ้นไป ศักยภาพในการเติบโต
เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว การเติบโตจะเป็นไปอย่างช้า ๆ ตัวอย่างบริษัท Blue-chip ชั้นนำจากทั่วโลกที่คนไทยคุ้นเคย
USA: 3M, VISA, Walt Disney
UK: Unilever, Shell, HSBC Holdings
Germany: Bayer, Adidas, Mercedes-Benz
Japan: Mitsubishi Electric, Aeon, Secom
Singapore: United Overseas Bank (UOB), CapitaLand, Singapore Airlines
Canada: Telus, George Weston, Royal Bank
France: L’Oreal, Michelin, Essilor
Hong Kong: HSBC, Henderson Land, MTR
Malaysia: Maybank, Pchem, Sime Darby
Vietnam: Vietinbank, Vinamilk, Vinhomes JSC
Australia: Wesfarmers, Broken Hill Proprietary, Westpac Banking
ทางเลือกเพิ่มเติม สำหรับลงทุนบริษัท Blue-chip
ทางเลือกที่ง่ายที่สุดคือการลงทุนผ่าน ETF ที่ลงทุนอิงดัชนีใหญ่ อย่าง S&P 500 และ Dow Jones Industrial Average เพราะเกณฑ์การคัดเลือกหุ้นเข้าดัชนี ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทใหญ่
สนใจลงทุนหุ้นกลุ่ม Blue-chip ในตลาดหุ้นต่างประเทศ สามารถใช้บริการ Phillip Global Markets จุดเด่นคือ เรามีบริการ Support 24 ช.ม. โดยเจ้าหน้าที่คนไทย โทร. 02-635-3055 (Support 24 ชม.) Line: @phillipglobal ( หรือคลิก https://lin.ee/q0bIxVg) |