เปิดตัวกันไปแล้วนะครับ กับมหกรรม FIFA World Cup Qatar 2022 หรือศึกลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่คนไทยเรารู้จักกันในชื่อ ฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งจะจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี สำหรับปีนี้มีการ์ตาเป็นประเทศเจ้าภาพ โดยพิธีเปิดเริ่มไปแล้วเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2022 ที่ผ่านมา และจะแข่งขันจนถึงวันสุดท้ายวันที่ 18 ธ.ค. 2022 ซึ่งเป็นนัดชิงชนะเลิศ

ช่วงเทศกาลฟุตบอลโลกในอดีต 7 ครั้งที่ผ่านมา ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นโลก MSCI เติบโตเฉลี่ย 4.3% และ 9.5% “จานนี อินฟานติโน” (Gianni Infantino) ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ "ฟีฟ่า" (FIFA) ระบุว่า “รายได้รวม” ของ ฟีฟ่า ในรอบ 4 ปี (2019-2022) มีรายได้สูงถึง 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีผลกำไรสุทธิมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ในครั้งนี้การจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ประเทศกาตาร์ มีรายได้สูงถึง 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แซงหน้ารายได้เมื่อ 4 ปีก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ที่มีรายได้ 6,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นรายได้ที่เกินเป้าหมาย 6,440 ล้านดอลลลาร์สหรัฐ ที่ ฟีฟ่า คาดการณ์เอาไว้ อย่างไรก็ตาม รายได้เชิงพาณิชย์ของฟีฟ่าค่อยๆ เริ่มฟื้นตัวมาตั้งแต่ปี 2021

นี่ถือเป็นโอกาสสร้างเม็ดเงินสะพัดให้กับเศรษฐกิจโลกอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทที่เป็นสปอนเซอร์ในการจัดงานที่จะสามารถประชาสัมพันธ์สินค้าของบริษัทตัวเองออกไปสู่สายตาคนทั้งโลก จนเกิดการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคไปกับการซื้ออาหาร อุปกรณ์กีฬา การเดินทาง ที่พักต่างๆ หรือสินค้าและบริการอื่นในช่วงการจัดงานฟุตบอลโลก 2022 จนกลายเป็นแรงหนุนเพิ่มยอดขายให้แต่ละบริษัทสปอนเซอร์ได้ไม่มากก็น้อย บริษัทที่เป็นสปอนเซอร์ในการจัดงาน FIFA World Cup Qatar 2022 ที่ Phillip Global จะนำเสนอมีทั้งหมด 6 บริษัท คือ Coca-Cola, Adidas, McDonald’s, Visa, Hisense และ Mengniu โดยเราจะนำทฤษฎี CANSLIM มาใช้เป็นเกณฑ์การคัดเลือกหุ้นเข้าพอร์ตฯ ประกอบด้วย 7 ข้อ ได้แก่

เมื่อนำทฤษฎี CANSLIM มาพิจารณา พบว่าหุ้นสปอนเซอร์ทั้งหมด มีปริมาณการซื้อขายและส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในระดับสูง และมีปัจจัยบวกที่น่าสนใจเหมือนกัน คือ New Business Model ที่เป็นแผนการออกสินค้าหรือบริการในช่วง Fifa world cup 2022 เพื่อเป็นหลักประกันว่า ระยะยาวยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดังระดับโลก กล่าวไว้ว่า จะตัดสินใจซื้อหุ้นของบริษัทที่มีกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องและ ROE สูงกว่า 15% โดยหุ้นสปอนเซอร์ที่มีกำไรสุทธิต่อเนื่องและ ROE สูงที่สุด 4 อันดับแรก คือ Coca-Cola คิดเป็น 49.33%, Visa คิดเป็น 44.35%, Mengniu คิดเป็น 19.34% และ Adidas คิดเป็น 18.19% สะท้อนว่าบริษัทมีรายได้ค่อนข้างมั่นคงและมีสเถียรภาพ ส่งเสริมความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว

หุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนสถาบันตัดสินใจเข้าไปถือครอง เป็นตัวสะท้อนความแข็งแกร่งทางธุรกิจ โดยหุ้นสปอนเซอร์ที่มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นนักลงทุนสถาบัน 4 อันดับแรก คือ Visa คิดเป็น 98.81%, Coca-Cola คิดเป็น 71.46%, McDonald’s คิดเป็น 70.07% และ Mengniu คิดเป็น 49.19%

อย่างไรก็ตาม หุ้นสปอนเซอร์ทั้ง 7 ตัวที่ทางเราแนะนำมา แม้จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันตามทฤษฎี CANSLIM อาจเป็นการยากเกินไป ที่จะหาหุ้นสักตัว ที่มีคุณสมบัติตรงตาม 7 ข้อดังกล่าวทั้งหมด ขอเพียงแค่มีสัก 4 จาก 7 ก็ถือว่า เป็นหุ้นที่น่าสนใจเข้าไปลงทุนแล้ว ถึงเวลาแล้วที่นักลงทุนไม่ควรพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการทำเกมบุก ตั้งเกมรับ เปิดปีกซ้าย สกัดปีกขวา ก่อนจะเลี้ยงพอร์ต และทำประตูให้มีกำไรแบบเห็นๆ

 

 

สนใจลงทุนกับ Phillip Global Markets โทร. 02-635-3055 หรือ Line: @phillipglobal ( หรือคลิก https://lin.ee/q0bIxVg )