กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
ก่อนหน้านี้การออมเพื่อเกษียนโดยปกติ จะลงทุนผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ถึงแม้ว่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นทางเลือก สำหรับการออมเพื่อเกษียน แต่ยังจำกัดอยู่ในบุคคลเพียงบางกลุ่ม ซึ่งก็คือพนักงานของบริษัท และ ของรัฐ นอกจากนี้ จำนวนเงินลงทุนยังจำกัดอยู่ที่ ห้ามเกินกว่าจำนวนที่นายจ้างลงทุนให้ มีบุคคลไม่น้อยที่ต้องการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะว่าไม่ใช่พนักงานของบริษัท หรือของรัฐ หรือ นายจ้างไม่เข้าร่วนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ ประกอบอาชีพอิสระ เพื่อให้ทางเลือก สำหรับบุคคลที่ต้องการออมเพื่อการเกษียน กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ จึงได้ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์นี้
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพคืออะไร? กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ คือ กองทุนรวมแบบปิดที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เหมาะสำหรับบุคคลที่ต้องการลงทุนในระยะยาว เพื่อได้รับเงินทุนปลอดภาษี สำหรับใช้จ่ายในช่วยวัยเกษียนอายุ และ ไม่ต้องการรับเงินรายได้ปัจจุบัน ในระหว่างระยะเวลาการลงทุน สิทธิประโยชน์ทางภาษีของผู้ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
เงื่อนไขในการลงทุนกับกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ 1.ผู้ลงทุนจะต้องลงทุนอย่างสม่ำเสมอในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพอย่างน้อยปีละครั้ง และต้องไม่ระงับการลงทุนเกินกว่า 1 ปีติดต่อกัน ยกเว้นปีนั้นไม่มีรายได้ก็ไม่ต้องลงทุน 2.ผู้ลงทุนต้องลงทุนอขั้นต่ำ 3% ของเงินได้ในปีนั้น หรือ อย่างน้อย 5,000 บาทต่อปี แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า 3.ผู้ลงทุนจะต้องลงทุนเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี และ ลงทุนจนมีอายุครบ 55 ปี ถ้าผู้ลงทุนละเมิดเงื่อนไขใน 3 ข้อแรก หรือทำการขายบางส่วน ของกองทุน ก่อนครบระยะเวลาการลงทุน พร้อมทั้งผู้ลงทุนได้ประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับในช่วงเวลา 5 ปีเรียบร้อยแล้ว 4.ผู้ลงทุนสามารถนับระยะเวลาการถือหน่วยลงทุน ในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพใหม่นี้ ต่อเนื่องกับระยะเวลาการลงทุนเดิมได้ 5.ถ้าผู้ลงทุนได้ลงทุนมาเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี และ มีอายุ 55 ปีขึ้นไป หรือ เป็นบุคคลทุพพลภาพ ผู้ลงทุนสามารถถือครองหน่วยลงทุน ในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพต่อไปได้ โดยจะซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มเติม หรือไม่ก็ได้ 6.เงินรายได้ที่ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ และ ได้นำไปหักภาษีเรียบร้อยแล้ว เงินรายได้นี้ไม่สามารถนำไปหักภาษีได้อีกในปีต่อไป 7.ผู้ลงทุนไม่สามารถนำหน่วยลงทุนของกองทุนรวม เพื่อการเลี้ยงชีพไปจำหน่ายจ่ายโอน จำนำ หรือนำไปเป็นหลักประกัน ประเภทเงินรายได้ที่อยู่ในข้อกำหนดของการลงทุน
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพลงทุนในอะไร ? กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ จัดอยู่ในประเภทเดียวกับหน่วยลงทุน ดังนั้นจึงสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ หรือ ประเภทสินทรัพย์เดียวกันกับหน่วยลงทุน เช่น ตราสารทุน ตราสารหนี้ เงินฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน และ ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ การคำนวณเงินรายได้ที่ได้รับสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษี เพื่อความเข้าใจมากขึ้นในสิทธิประโยชน์ทางภาษี ที่ผู้ลงทุนจะได้รับจากการลงทุน ในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เราจะแสดงวิธีการคำนวณ หาจำนวนเงินรายได้ที่ได้รับสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษี ตัวอย่าง : คุณพึงมีเป็นพนักงานบริษัท มีรายได้ทั้งปี 600,000 บาท โดยในปีนี้คุณพึงมีจ่ายเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเงิน 5% ของรายได้ หรือ 30,000 บาท ถ้าคุณพึงมีต้องการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ อยากทราบว่า เงินได้จำนวนเท่าไรที่คุณพึงมีสามารถลงทุน ในกองทุน เพื่อให้ได้รับสิทธ์ประโยชน์ทางภาษีสูงสุด วิธีคำนวณ รายได้ทั้งปี 600,000 บาท จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 30,000 บาท เงินได้สุทธิที่ได้รับยกเว้นภาษี = เงินได้สูงสุดที่ได้รับยกเว้นภาษี - เงินจ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ = 300,000 - 30,000 = 270,000 บาท แต่ 15% ของเงินได้ของคุณพึงมี = 600,000 x 15% = 90,000 บาท ดังนั้น คุณพึงมีสามารถลงทุน 15% ของรายได้ หรือ 90,000 บาท ในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เพราะว่า เงินได้ที่ใช้ลงทุนนี้อยู่ใน ภายใต้จำนวนเงินได้สูงสุดที่ได้รับยกเว้นภาษี ตัวอย่าง : คุณพอเก็บเป็นพนักงานบริษัทมีรายได้ในส่วนของค่าจ้างแรงงาน 1,500,000 บาท และ รายได้จากการประกอบอาชีพอิสระ 1,000,000 บาท รวมเงินได้ทั้งปีของคุณพอเก็บ เท่ากับ 2,500,000 บาท คุณพอเก็บเป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัท โดยจ่ายเงินสะสมเข้า กองทุน 5% ของรายได้ทั้งปี เป็นเงิน 75,000 บาท ถ้าคุณพอเก็บต้องการนำเงินได้ ไปลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นจำนวน 250,000 บาท คุณพอเก็บจะสามารถรับสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษีจากเงินลงทุนทั้งหมดหรือไม่ วิธีคำนวณ รายได้ทั้งปี 2,500,000 บาท Provident fund 75,000 บาท เงินได้สุทธิที่ได้รับยกเว้นภาษี = เงินได้สูงสุดที่ได้รับยกเว้นภาษี - เงินจ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ = 300,000 - 75,000 = 225,000 บาท แต่ 15% ของเงินได้ของคุณพึงมี = 2,500,000 x 15% = 375,000 บาท คุณพอเก็บต้องการลงทุน ในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ด้วยเงินได้จำนวน 250,000 บาท แต่เนื่องจากเงินได้สุทธิสูงสุด ที่จะได้รับการ ยกเว้นภาษี เท่ากับ 225,000 บาท ดังนั้น คุณพอเก็บจะไม่ได้รับการยกเว้นภาษี จากเงินได้ทั้งหมดที่นำไปลงทุน จำนวนเงินลงทุนที่ได้รับการยกเว้นภาษีคือ 225,000 บาท ข้อมูล ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 |