กองทุนรวมหุ้นระยะยาว
จากเดิมที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การลงทุนผ่านกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือที่เรียกสั้นๆว่า RMF (RETIREMENT MUTUAL FUND) ผู้ลงทุน
จะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี แต่ก็มีข้อจำกัดที่ต้องถือกองทุนนั้นไว้จนถึงอายุ 55 ปี และต้องลงทุนมาไม่น้อยกว่า 5 ปี แต่ในปัจจุบันนี้ ผู้ลงทุนจะ ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้น และยังไม่ต้องนำไปรวมกับสิทธิลดหย่อนอื่นๆ เช่น เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, เงินกองทุนบำเหน็จบำนาญ ข้าราชการ หรือแม้กระทั่ง RMFเอง โดยการลงทุน ในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ซึ่งจะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 300,000 บาท ในแต่ละปี ภาษี แต่เงื่อนไขของการลงทุน เพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว มีเงื่อนไขที่น้อยกว่ามาก เพียงแค่ท่านต้องถือ หน่วยลงทุนไว้เกิน 5 ปีปฏิทิน (ซึ่งถ้าลงทุนในช่วงสินปีที่ 1ก็สามารถขายได้ตั้งแต่ต้นปีที่ 5 เป็นต้นไป เท่ากับว่า ลงทุนจริงๆ แค่ 3 ปี กับอีกไม่กี่วันเท่านั้น) ส่วนในแต่ละปี ท่านจะซื้อเพิ่มหรือไม่ซื้อเพิ่มก็ได้ไม่นับว่าเป็นการผิดเงื่อนไขแต่อย่างใด ประเภทของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว กองทุนรวมหุ้นระยะยาว เป็นกองทุนประเภทตราสารแห่งทุน (ลงทุนในบริษัทจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) ที่มีนโยบายลงทุน ในตราสารแห่งทุน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ของกองทุน (NAV) โดยแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ กองทุนที่มีนโยบายจ่ายเงิน
ปันผล และ ไม่จ่ายเงินปันผล ซึ่งแต่ละประเภทก็มีข้อดีแตกต่างกัน กล่าวคือ กองทุนที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล หากกองทุนมีผลการดำเนินงานที่ดี ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้กระแสเงินสดรับ อย่างสม่ำเสมอ ตลอดระยะเวลาการลงทุน แต่เงินปันผลที่ได้รับนี้ จะต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายอีก 10% ส่วนกองทุนที่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล แม้จะไม่มีกระแสเงินสดรับ แต่มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนในรูป Capital gain ที่สูงกว่า เนื่องจาก หากกองทุนมีผลการดำเนินงานที่ดีผลตอบแทนที่เกิดจากการลงทุน ในกองทุนประเภทนี้ จะนำไปลงทุนต่อ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้เพิ่มขึ้น กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ และ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว ที่ได้รับการลดหย่อนภาษี มีความแตกต่างกันอย่างไร ?
กองทุนรวมหุ้นระยะยาวช่วยลดภาษีได้อย่างไร ? จากที่ทราบกันแล้วว่าการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว สามารถนำเงินที่ลงทุนไปลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งในหัวข้อต่อไปนี้จะกล่าวถึงวิธีการใช้ การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุด ตัวอย่าง นาย ก เป็นพนักงานบริษัทเอกชน มีเงินเดือน เดือนละ 25,000 บาท จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทในอัตราร้อยละ 5 และสิ้นปีได้รับเงินโบนัสจากบริษัท 200,000 บาท จากข้อมูลของนาย ก สามารถนำมาคำนวณภาระภาษีที่นาย ก ต้องจ่าย ดังต่อไปนี้
จากภาระภาษีที่นาย ก ต้องจ่ายทั้งสิ้น จำนวน 29,500 บาท นาย ก สามารถลดภาระภาษีลงได้ ถ้าไปลงทุนในกองทุน RMF ที่สามารถลดหย่อนภาษี จากเงินลงทุน ไม่เกิน 15 % ของเงินได้ แต่สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท ดังนี้
ข้อมูล ณ วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 |