PhillipCapital Your Partner in Investment

poems poems

ศูนย์การเรียนรู้
4 เหุตผล ที่คุณควรเริ่มลงทุน


4 เหุตผล ที่คุณควรเริ่มลงทุน
 

เพื่อนๆ เคยได้ยินไหมครับว่า การฝากเงินนั้นให้ผลตอบแทนไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายในอนาคต เพราะอะไรมันถึงเป็นแบบนั้น ผม Mr.Phillip จะมาเล่าให้ฟังว่า ทำไมเราจึงควรเริ่มลงทุนมากกว่าการฝากเงินในธนาคารเพื่อกินดอกเบี้ยกันครับ เหตุผลมีดังนี้ครับ 
 
1. สินค้าอุปโภคบริโภคแพงขึ้นทุกๆ ปีจากเงินเฟ้อ

เพื่อนๆ เคยรู้สึกกันไหมครับว่า อาหารที่เราทานกันในแต่ละปีนั้น ราคามักปรับตัวสูงขึ้นทุกปีทุกปี อย่างเช่น เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เราอาจจะเคยได้ทานก๋วยเตี๋ยวชามละ 20-25 บาท ผ่านมา 10 ปี ราคาก๋วยเตี๋ยวกระโดดมาที่ชามละ 40-50 บาทในปัจจุบัน เราจะเห็นว่า ราคาก๋วยเตี๋ยวนั้นเติบโตขึ้นมา 100 % ในเวลา 10 ปี ราคาก๋วยเตี๋ยวที่เป็นอาหารที่เราหาทานได้อย่างง่ายดายนั้นเติบโต 10 % ต่อปี สิ่งที่ทำให้ราคาของก๋วยเตี๋ยวเพิ่มขึ้นนั้นคือ เพื่อนๆ ลองคิดตามนะครับ ต่อไปในอนาคต ก๋วยเตี๋ยวในอีก 3-5 ปีข้างหน้า อาจจะแพงขึ้นเป็นชามละ 80-90 บาท และเราจะต้องหารายได้เพิ่มเท่าไรจึงจะเติบโตทัน
 
2. รายได้โตไม่ทันราคาสินค้าที่แพงขึ้น

อัตราการเติบโตของเงินเดือนเรานั้น ผม Mr. Phillip ได้ไปหาข้อมูลมาครับ อัตราการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนเติบโตเพียง 3.7% เท่านั้นในปี 2563 ที่ผ่านมา ( อ้างอิงตัวเลขจาก https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/907555 ) ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี โดยปัจจัยที่ทำให้อัตตราการเติบโตต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีนั้น เป็นเพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของ covid-19 โดยถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ มีการเก็บสถิติทางการเงินว่า อัตราการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนเติบโตราวๆ ปีละ 4.8% จะเห็นได้ว่าแม้ว่าสถานการณ์ปกติ อัตราการเติบโตของรายได้ยังเติบโตไม่ทันอัตราการเติบโตของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเลย
 
3. อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในธนาคาร 10 ปี ย้อนหลังลดลงอย่างต่อเนื่อง

อัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ของประเทศไทยย้อนหลัง มีการปรับตัวลดลงจากปี พ.ศ. 2554 อยู่ที่ 0.625% เวลาผ่านมา 10 ปี ดอกเบี้ยเงินฝากลดลงเหลือ 0.25% (อ้างอิง https://www.bot.or.th) ในปีปัจจุบันซึ่งอัตราดอกเบี้ยนั้นมีแนวโน้มลดต่ำลงและมีโอกาสที่ดอกเบี้ยจะลดลงไปอยู่ที่ 0 % เช่นในประเทศ ญี่ปุ่น ได้ครับ

ถ้าหากเรารวมดอกเบี้ยเงินฝากกับอัตราการเติบโตของเงินเดือน แล้วไปเทียบกับอัตราการเติบโตของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคนั้น จะเห็นได้ว่าทั้งเงินฝากและเงินเดือนเติบโตไม่ทันกับค่าใช้จ่ายที่เราจะต้องเผชิญ จึงเป็นเหตุผลที่ว่า เราควรจะเริ่มต้นลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ได้มากกว่าค่าใช้จ่ายที่เติบโตขึ้น
 
4.ในอนาคต เราต้องมีภาระเลี้ยงดูครอบครัวและใช้ชีวิตยามเกษียณ

เพื่อนๆ ลองถามตัวเองว่า ถ้าหากวันหนึ่งเรามีครอบครัว เราจะต้องมีเงินเพิ่มมากขึ้นเท่าไร เพื่อที่จะตอบโจทย์เรื่องภาระค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้นทุกปีจากเงินเฟ้อและภาระที่เพิ่มขึ้นจากการมีครอบครัวของตนเอง รวมถึงต้องดูแลพ่อแม่ แต่รายได้นั้นไม่สามารถโตทันตาม ดังนั้นการลงทุนจะเป็นตัวช่วยในการสร้างโอกาสให้รายได้นั้นเติบโตทันตามภาระรายจ่ายได้

สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังฝากเงินอยู่ในธนาคาร ผม Mr.Phillip อยากให้ลองพิจารณาแบ่งสัดส่วนของเงินนั้นมาเริ่มลงทุนบ้าง ซึ่งในปัจจุบัน เรามีทางเลือกในการลงทุนมากมาย เช่น ตราสารหนี้ กองทุน หุ้น ซึ่งอันนี้ ขอยกตัวอย่างถ้าหากเราเริ่มลงทุนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผ่านหุ้นไทย อ้างอิงผลตอบแทนของดัชนี SET Index ตั้งแต่ปี 2554 ถึงปัจจุบัน โตขึ้นราวๆ 50 % ซึ่งมาถึงตรงนี้ เพื่อนๆ น่าจะเริ่มคิดถึงเรื่องการลงทุนกันบ้างแล้วใช่ไหมครับ สัปดาห์หน้า ผมจะมาเล่าให้ฟังต่อว่า ถ้าหากเริ่มลงทุนแล้ว เราควรจะวางเงินไว้ที่ไหนดี แล้วผลตอบแทนจะเป็นอย่างไร มีปัจจัยอะไรบ้างที่ต้องสนใจนะครับ